วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 9
      การจัดห้องเรียน


1.  ห้องเรียนจะต้องสะอาด  ดูแล้วสบายตา  น่าเรียน
2.  แสงสว่างเพียงพอต่อการทำกิจกรรม  มีแสงแดดส่องเหมาะสม ไม่รบกวนสายตาขณะปฏิบัติกิจกรรม
3.  ทุกจุดของห้องควรให้มองเห็นได้โดยรอบ
4.  บริเวณห้องเรียนต้องให้ปลอดภัยจากสัตว์ แมลง พืช และสารเคมีที่มีพิษ
5.  ควรจัดให้มีมุมแสดงผลงานและมุมเสริมทักษะในห้องเรียน
6.  วัสดุ  อุปกรณ์ควรจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจัดให้อยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้อ




กิจกรรมที่ 8
       ครูในอุดมคติ


ถ่ายทอดวิชาการอย่างเต็มที่  ครูต้องทำให้ลูกศิษย์เรียนรู้ด้วยความสุข เรียนรู้ด้วยความเข้าใจ และเกิดความมานะพยายามที่จะรู้ในศาสตร์นั้นๆ ครูจึงต้องตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะศึกษาหาความรู้ ทางศาสตร์ที่จะสอน และถ่ายทอดความรู้ในศาสตร์นั้นๆ ให้กับนักเรียนโดยไม่ปิดบังความรู้
รักและเข้าใจศิษย์  ครูต้องพยายามทำ ให้ลูกศิษย์รักและไว้ใจเพื่อที่จะได้กล้า ปรึกษาในสิ่งต่างๆแล้วครูก็จะสามารถช่วยให้ศิษย์ประสบความสำเร็จในการเรียน และการใช้ชีวิตในสังคมได้
มีความยุติธรรม  อาชีพครูเป็นอาชีพที่จะต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม ไม่มีอคติลำเอียงต่อลูกศิษย์ ไม่เห็นว่าคนที่มีปัญหาเป็น คนน่ารังเกียจ หรือพอใจแต่เฉพาะศิษย์ที่เรียนเก่ง ไม่สร้างปัญหาเท่านั้น ครูต้อง มีความเป็นธรรมในการให้คะแนน และพร้อมที่จะอธิบายวิธีการให้คะแนน และการตัดเกรดได้ ครูต้องรอบคอบในการกรอกคะแนน เพราะถ้าผิดพลาดแล้ว บางครั้งก็จะทำให้ผู้เรียนที่ควรได้คะแนนดีๆ กลับได้คะแนนเกือบจะสอบตกไป ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจแก่ผู้ปกครองได้
เป็นแบบอย่างที่ดี  ครูมีอิทธิพลต่อศิษย์ทั้งด้านวาจา ความคิด บุคลิกภาพ และความประพฤติ ครูจึงจะต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกศิษย์ได้ซึมซับสิ่งที่ครูทำ เมื่อศิษย์เกิดศรัทธาในความสามารถของครู ศิษย์อาจจะเลียนแบบความประพฤติของครูไปอย่างไม่ได้เจตนา เช่น การตรงต่อเวลา การพูดจาชัดเจน การแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา สุภาพเรียบร้อย เป็นต้น
ให้เกียรติผู้เรียน  การยกย่องให้เกียรติผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจ และเกรงใจผู้สอน ครูไม่ควรใช้อำนาจในทางที่ผิด เช่น พูดจาข่มขู่ใช้คาพูดไม่สุภาพ เปลี่ยนชื่อผู้เรียน เยาะหยันหรือดูถูกผู้เรียน การเคารพ ผู้เรียนในฐานะปัจเจกบุคคลเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจ และการเรียนรู้ที่ดีเมื่อ ผู้เรียนได้รับการปฏิบัติอย่างดี ย่อมก่อให้เกิดพลังในการศึกษา
ช่วยเหลือศิษย์  ผู้เรียนมาอยู่ในสถานศึกษาพร้อมด้วย ประสบการณ์และปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นครูจึงมีหน้าที่ที่จะต้องสังเกตความผิดปกติหรือข้อบกพร่องของศิษย์ และพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ ได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้ศิษย์ต้องก้าวถลาลึกลงไปในพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
ครูต้นแบบที่ดีควรมีลักษณะเป็นดังบทประพันธ์ดังนี้
ครูจะต้องเป็นครูทุกขณะจิต              ต้องรู้โลกรู้ชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง
ต้องมีปฏิภาณโวหารแสดง                ต้องเป็นแหล่งก้าวหน้าวิชาการ
ต้องสอนคนมากกว่าสอนหนังสือ     ไม่เพียงถือชอล์กปากกาพาเขียนอ่าน
ต้องอุทิศชีวิตจิตวิญญาณ                    ให้เก่งงานปลูกฝังในทางดี
ครูเป็นที่รักเคารพและยกย่อง             ครูจะต้องตระหนักในศักดิ์ศรี
มีหลักการเหตุผลกลวิธี                       ครูต้องมีความอดทนสร้างผลงาน
ครูต้องมีความดีและความเก่ง             ครูต้องเคร่งจริยะมาตรฐาน
เป็นประทีปเจิดจรัสชัชวาล                ส่องนาจิตวิญญาณของปวงชน

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน
บทความที่ 1
   1.  ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
        การสอนแนะให้คิดเป็นการจัดการเรียนตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ซึ่งการสอนโดยการแนะให้รู้เป็นการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  ผู้สอนเป็นเพียงผู้ชี้แนวทางเท่านั้น  ผู้เรียนจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด  มีทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง คือ ทฤษฎีการเรียนรู้ปัญญานิยม ซึ่งกล่าวว่า  การเรียนรู้ของผู้เรียนต้องเกิดจากตัวผู้เรียนเอง โดยมีหลักการว่า  นักเรียนควรรู้อะไร  จะพัฒนาการสอนคณิตศาสตร์อย่างไร  และจะจัดกิจกรรมอะไร  การสอนแนะให้รู้คิดในคณิตศาสตร์มีขั้นตอนขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ด้งนี้  เสนอปัญหา  ทำความเข้าใจปัญหา  แก้ปัญหา  และอภิปราย  การสอนแนะให้รู้คิดผู้สอนคณิตศาสตร์ต้องมีความรู้ในเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์เป็นอย่างดีและจะต้องเข้าใจความคิดของผู้เรียนในการแก้ปัญหาต่างๆ ส่วนบรรยากาศในชั้นเรียน  ทั้งผู้สอนและผู้เรียนต้องรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันโดยผู้สอนจะต้องให้ความสนใจและเอาใจใส่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิดเพื่อนำไปประเมินผลต่อไป
 2.  ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
       จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ และส่งเสริมหู้เรียนเกิดกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ  มีทักษะในการคิด  การให้เหตุผล  และมีทักษะเชื่อมโยง  โดยให้ผู้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองและสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม

3.  ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไ
      มีการจัดการเรียนการสอนหลากหลายรูปแบบ  แต่ละรูปแบบจะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการใช้สื่อในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาวิชามากยิ่งขึ้น  และส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดกระบานการคิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ  มีการถามตอบระหว่างการจัดการเรียนการสอนเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นของต้นเองออกมา  และสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 
 บทความที่ 2
1.   ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นครูของแผ่นดิน  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงสอนให้คนไทยรู้จักและเข้าใจดิน น้ำ ลม ไฟ  สอนให้รู้จักการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น  ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนทำได้เลย  พระองค์ทรงสอนทุกสิ่งทุกอย่างจากห้องเรียนจริง และเรื่องที่พระองค์ให้ความสำคัญมากที่สุดคือ  เรื่องการเกษตร  และยังมีเรื่องอื่นๆ รวมทั้งเรื่องการศึกษา  ดังที่พระองค์ท่านเคยรับสั่งว่า ประเทศชาติจะเจริญหรือเสื่อมลงได้นั้นย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็นสำคัญ  การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนักทุกอย่างเป็นเพราะต้องการที่จะเป็นแบบอย่างให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสวงหาความรู้อยู่เสมอ  ในเรื่องที่พระองค์ไม่รู้พระองค์ก็จะต้องทำให้รู้ให้ได้ เพื่อที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชนในประเทศของพระองค์
2.    ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
        ถ้าเป็นครูดิฉันก็จะเป็นครูที่ใฝ่เรียนรู้เหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแสวงหาความรู้อยู่เสมอ  ดิฉันจะถ่ายทอดความรู้ที่ได้ให้กับนักเรียนโดยไม่กักความรู้  และจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน  เพื่อให้นักเรียนปฏิบัติตาม  ดิฉันจะสอนให้นักเรียนเป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้ เหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3.     ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไ
จะจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง  ได้คิดหาวิธีการแก้ปัญหา  ได้ลองผิดลองถูกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง    และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

กิจกรรมที่  7

             ให้นักศึกษาศึกษาดูโทรทัศน์ครู ให้เลือกเรื่องที่นักศึกษาสนใจมาคนละ เรื่อง  และเขียนลงในบล็อกกิจกรรมของนักเรียน ดังนี้
1. สอนเรื่องอะไร  ผู้สอนชื่อ  ระดับชั้นที่สอน
              เรื่องการหา ห.ร.ม. ในชีวิตประจำวัน   ผู้สอน ครูธัญรัศน์  ประเสริฐศรี   โรงเรียนกันทรารมณ์  จังหวัดศรีสะเกษ
2. เนื้อหาที่ใช้สอนมีอะไรบ้าง
              เนื้อหาที่ใช้สอนจะเกี่ยวกับเรื่องการหารลงตัว  การหาตัวประกอบ ตัวหารร่วมมาก (ห.ร.ม.)
3. จัดกิจกรรมการสอนด้าน (สติปัญญา=IQ, อารมณ์=EQ, คุณธรรมจริยธรรม=MQ)
              
การจัดกิจกรรมการสอนด้านสติปัญญา   ครูจัดให้นักเรียนนั่งกันเป็นกลุ่ม  แล้วให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมารับภาพมังคุด  ดาว  และส้ม  หลังจากนั้นครูก็ให้นักเรียนแบ่งภาพต่างๆ  ออกเป็นกลุ่มตามที่ครูบอก  เมื่อนักเรียนทำได้ตามที่ครูบอกครูก็จะให้นักเรียนแบ่งภาพกันเองโดยมีเงื่อนไขว่าแต่ละกองต้องเท่ากัน  การแบ่งภาพแต่ละกองให้เท่ากันแต่ละกลุ่มอาจจะได้คำตอบไม่เหมือนกันซึ่งเรื่องนี้จะทำให้นักเรียนรู้เรื่องการหาตัวประกอบ  และการหาตัวประกอบร่วม  เมื่อนักเรียนหาตัวประกอบเป็นนักเรียนก็จะรู้ว่า ห.ร.ม.  คือตัวประกอบร่วมที่มีค่ามากที่สุด หลังจากนั้นครูก็ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่นการบริจาคของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อให้นักเรียนจำจวนของแต่ละชนิดใส่ถุง ซึ่งก็คือการหา  ห.ร.ม.  ซึ่งจะช่วยพัฒนาทางด้านสติปัญญาของผู้เรียนให้มีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบสามารถนำอุปกรณ์ที่มีอยู่รอบตัวมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้
              
การจัดกิจกรรมการสอนด้านอารมณ์  ครูได้มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยมีการพูดคุยกับซักถามผู้เรียนอยู่เสมอ  และเมื่อผู้เรียนตอบครูก็ให้เพื่อนในห้องตบมือให้เพื่อน
              
การจัดกิจกรรมการสอนด้านคุณธรรมจริยธรรม   ครูได้มอบหมายงานให้นักเรียนทำและปลูกฝังความรับผิดชอบในการทำงานให้กับนักเรียน 
4. บรรยากาศการจัดห้องเรียน เป็นอย่างไร
             บรรยากาศในการจัดห้องเรียนมีการจัดห้องเรียนอย่างสะอาด   มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย     โต๊ะ เก้าอี้   มีการจัดอย่างเป็นระเบียบโดยจัดเป็นกลุ่ม  ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนดูน่าสนใจ  และตามฝาผนังห้องเรียนมีการจัดแต่งโดยการติดข้อความที่ให้ความรู้แก่นักเรียน

กิจกรรมที่ 6

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


กิจกรรมที่ 5


ชื่อ
นายวรสรวง   สุทธิสวรรค์
ตำแหน่งปัจจุบัน
ครูชำนาญการพิเศษ  คศ.3
สถานที่ทำงาน
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก )  ตำบลมะลิกา  อำเภอแม่อาย  จังหวัดเชียงใหม่
ที่อยู่ปัจจุบัน
บ้านเลขที่  279  หมู่  7  ตำบลแม่อาย  อำเภอแม่อาย  จังหวัดเชียงใหม่  50280
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
บ้าน   053-459270   โรงเรียน  053-459008  มือถือ  081-9510399
วันเดือนปีเกิด
12  มีนาคม  2516
คู่สมรส 
นางจารุณี  สุทธิสวรรค์    ครูชำนาญการพิเศษ  คศ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12
 ( บ้านเอก ) 
บุตร-ธิดา
1. เด็กหญิงนาฏนฤตย์   สุทธิสวรรค์
2. เด็กชายธนกฤต  สุทธิสวรรค์

ประวัติการศึกษา

ประถมศึกษา
โรงเรียนรังษีวิทยา  อำเภอฝาง    จังหวัดเชียงใหม่  ( 2527 )
มัธยมศึกษาตอนต้น
วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่   สาขานาฏศิลป์ไทย วิชาเอกโขน  ( 2530 )
มัธยมศึกษาตอนปลาย
วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่   สาขานาฏศิลป์ไทย  วิชาเอกโขน  ( 2533 )
อนุปริญญา
( ปม.ช ) วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่   สาขานาฏศิลป์ไทย  วิชาเอกโขน  ( 2535 )
ปริญญาตรี 
( ศษ.บ )   คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  สาขาวิชาประถมศึกษา  ( 2537 )
ปริญญาโท
( ศษ.ม )  คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สาขาวิชาเทคโนโลยี
ทางการศึกษา  ( 2541) 

ประวัติการรับราชการ

25  มิ.ย. 2539
อาจารย์  1  ระดับ 3
โรงเรียนบ้านห่างหลวง   อำเภออมก๋อย  จังหวัด เชียงใหม่
29  มิ.ย. 2541
อาจารย์  1  ระดับ 4
โรงเรียนชุมชนบ้านคาย  อำเภอแม่อาย  จังหวัดเชียงใหม่
1  ต.ค. 2543
อาจารย์  1  ระดับ 5
โรงเรียนชุมชนบ้านคาย  อำเภอแม่อาย  จังหวัดเชียงใหม่
1  มี.ค. 2544
อาจารย์  1  ระดับ  5
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก ) อำเภอแม่อาย
 จังหวัดเชียงใหม่ 
1  ต.ค. 2546
อาจารย์  2  ระดับ  6
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก ) อำเภอแม่อาย 
 จังหวัดเชียงใหม่
ต.ค. 2547
อาจารย์  2  ระดับ  7
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก ) อำเภอแม่อาย 
 จังหวัดเชียงใหม่ 
24 ธ.ค. 2547
ครู  ระดับ  คศ.2
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก ) อำเภอแม่อาย 
 จังหวัดเชียงใหม่ 
ก.พ. 2549
ครูชำนาญการ คศ.2
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก ) อำเภอแม่อาย
 จังหวัดเชียงใหม่
19  พ.ย. 2552
ครูชำนาญการพิเศษ คศ.3
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ( บ้านเอก ) อำเภอแม่อาย 
 จังหวัดเชียงใหม่


วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


กิจกรรมที่ 4
สรุป เรื่อง การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
การทำงานเป็นทีม  จะเป็นประโยชน์สูงสุดขององค์กร  และมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าการทำงานคนเดียว  แต่การสร้างทีมงานนั้นต้องใช้ เวลา ในการพัฒนาบุคคล  และพัฒนาทีมงานพอสมควร จึงจะเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม
1. วิเคราะห์งาน
2. กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
3. วางแผนการทำงาน
4. แบ่งงานให้สมาชิกของทีม
5. ปฏิบัติจริงตามแผน
6. ติดตามผลและนิเทศงาน
7. ประเมินขั้นสุดท้าย
ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
เข้าใจวัตถุประสงค์และเป้าหมายชัดเจน  เปิดเผยจริงใจและร่วมกันแก้ปัญหา  สนับสนุนไว้วางใจ ยอมรับ และรับฟังกัน  ร่วมมือกัน ใช้ความขัดแย้งในเชิงสร้างสรรค์  ทบทวนการปฏิบัติงานและตื่นตัวตลอดเวลา  มีการพัฒนาตนเอง  รู้จักตนเองและรู้จักผู้อื่น เข้าใจต่อเพื่อนร่วมงาน  และสามารถร่วมกลุ่มกันได้เป็นอย่างดี

ตอบคำถาม เรื่อง การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
1. แนวคิดหลักการทำงานเป็นทีม เป็นอย่างไร
     การยอมรับความแตกต่างของบุคคล
     แรงจูงใจของมนุษย์
                 ธรรมชาติของมนุษย์
2. นักศึกษาจะมีวิธีการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร ยกตัวอย่างประกอบ
                 การที่จะทำให้ทีมมีประสิทธิภาพจะต้องรู้จักตนเองและรู้จักผู้อื่น เข้าใจต่อเพื่อนร่วมงานและสามารถร่วมกลุ่มกันได้เป็นอย่างดี และสมาชิกต้องทุ่มเทกำลังกาย ความคิด  เพื่องานจะได้ประสบความสำเร็จ  และทุกคนจะต้องตระหนักเสมอว่างานที่ที่สำเร็จนั้นเป็นผลงานของทีม ไม่ใช่ผลงานของคนใดคนหนึ่ง